15 ธ.ค. 2556


นิทานก่อนนอนสำหรับคุณหนู ๆ 



นิทานลูกหมีผจญภัย



กาลครั้งหนึ่ง มีลูกหมีแสนซน 
วันหนึ่งลูกหมีหนีแม่ออกไปเที่ยวนอกถ้ำ 
ลูกหมีเดินไปเรื่อย ๆ บ้างก็ชมนกชมไม้ในป่า 
ขณะที่กำลังเดินอยู่นั้น ลูกหมีเหลือบไปเห็นรังผึ้ง อยู่บนต้นไม้ใหญ่ 
ลูกหมีดีใจมากที่วันนี้จะได้กินน้ำผึ้งหวานจับใจ 
มันจึงรีบปีนขึ้นไปบนต้นไม้ใหญ่ทันที 
พอไปถึงรังผึ้ง ก็ใช้มือดึงรวงผึ้งมา หมายจะดูดกินน้ำหวาน 

ฝ่ายผึ้งเจ้าของรังเห็นศัตรูมาบุกรุก ทำลายบ้านของตนเอง 
ก็พาหันบินเข้าโจมตีกันเป็นพัลวัน 
ลูกหมีไม่ทันรู้ตัว 
ก็โดนทหารผึ้งต่อย จนลืมหูลืมตาไม่ขึ้น พลัดตกลงจากกิ่งไม้ 
ได้รับความเจ็บปวด ร้องโอดโอย วิ่งไปหาแม่ 

แม่หมีพอเห็นลูกหมีก็รู้ถึงเหตุการณ์โดยตลอด
เพราะจมูกของลูกหมีโดนผึ้งต่อย เสียจนบวมปูด เป็นลูกโป่ง 
แม่หมีจึงสอนลูกหมีว่า ...
คราวต่อไป ถ้าไปเจอรวงผึ้งให้ปีนขึ้นไปหาทำเลที่นั่งให้เหมาะ 
ใช้มือหนึ่งปัดตัวผึ้งที่จะมาต่อยออก และปิดจมูกไว้ 
ส่วนมือหนึ่งหยิบรวงผึ้งมาดูดกิน 
ตั้งแต่นั้นมา ลูกหมีก็ไม่โดนผึ้งต่อยอีกเลย 
และในเวลากลับ ...
ลูกหมียังเอารวงผึ้งหวานมาฝากแม่หมีอีกด้วย


นิทานคนขี้เหนียวกับทองคำ


         ชายคนหนึ่งเป็นคนขี้เหนียว เขามักจะเอาสมบัติฝังดิน ไว้รอบ ๆ บ้านไม่ยอมนำมาใช้จ่ายให้เกิดประโยชน์


         ต่อมาเขากลัวว่าจะไม่ปลอดภัยถ้าฝังเงินทอง ไว้หลาย เเห่ง เขาจึงขายสมบัติทั้งหมดเเล้วซื้อทองคำเเท่งหนึ่ง มาฝังไว้ที่หลังบ้าน เเล้วหมั่นไปดูทุกวัน


         คนใช้ผู้หนึ่งสงสัยจึงเเอบตามไปดูที่หลังบ้าน เเล้วก็ขุด เอาทองเเท่งไปเสีย


         ชายขี้เหนียวมาพบหลุมที่ว่างเปล่าในวันต่อมาก็เสียใจ ร้องห่มร้องไห้ไปบอกเพื่อนบ้านคนหนึ่ง


         เพื่อนบ้านจึงเเนะนำประชดประชันว่า ...


         "ท่านก็เอาก้อนอิฐใส่ในหลุมเเล้วคิดว่าเป็นทองคำสิ เพราะถึงอย่างไรท่านก็ไม่เอาเอามาใช้อยู่เเล้ว"








นิทานเรื่องกาอยากเป็นหงส์


กานั้นมีขนที่ดำสนิทเเละเป็นเงางาม เเต่ทว่าพวกกาเหล่านั้นกลับมิได้มีพึงพอใจในความเป็นตัวเอง
พวกกาเห็นว่าหงส์นั้นมีขนสีขาวสะอาดบริสุทธิ์ ก็ต่างพากันอิจฉา เเละ กาอยากที่จะมีขนสีขาวเช่นหงส์เหล่านั้นบ้าง
“สงสัยว่า คงเป็นเพราะหงส์ ชอบลงอาบน้ำอยู่เสมอ เเละ ก็ยังพำนักพักอาศัยอยู่ใกล้ สระน้ำด้วย”
กาตัวหนึ่งคาดคะเน กาอีกตัวหนึ่งจึงสนับสนุนว่า
“นั่นน่ะสิ ถ้าพวกเราได้ว่ายน้ำบ่อยๆ เเละพำนักอยู่ใกล้สระน้ำ เราก็คงจะขาวเหมือนหงส์นะ”
เมื่อเหล่ากาเห็นดีเห็นงามด้วยกันเช่นนั้น พวกกาก็พากันละทิ้งสถานอันเป็นที่พำนักพักอาศัยมาตั้งเเต่เดิม เเล้วพากันอพยพไปอยู่ที่ริมสระน้ำ
พวกกาชวนกันลงเล่นน้ำทุกวันเเละไซ้ขนเป็นประจำ อย่างหงส์เเต่พวกมันก็มิได้มีขนที่ขาวขึ้นเเต่อย่างใด
กาก็ยังคงมีขนสีดำสนิทเช่นเดิน เเต่ทว่ามันไม่อาจมี ความสุขได้ดังเดิมเพราะสถานที่ใหม่นั้นมิได้มีอาหาร การกินที่อุดมบรูณ์
เหมือนที่เคยอยู่ ดังนั้นพวกกาจึงค่อยๆอดตายกันหมดในเวลาต่อมา

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
การหลงลืมธรรมชาติของตนนั้น เเม้ว่าจะเปลี่ยนที่อยู่ เปลี่ยนสังคม เเต่ก็ใช่ว่าจะเปลี่ยน ธรรมชาติดั้งเดิม ของตนได้


นิทานเรื่องหมูน้อยจอมตะกละ
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีครอบครัวหมูอยู่ครอบครัวหนึ่ง มีลูกหมูที่กินเก่งวัน ๆ เอาแต่กิน
จนพ่อแม่ไม่มีเงินพอจะเลี้ยงดูลูกหมูได้จะตัดสินใจออกไปหางานทำต่างถิ่น
เพื่ออันเงินมาเลี้ยงดูลูกหมูจอมตะกละ 


ทำให้ลูกหมูจอมตะกละต้องอยู่บ้านคนเดียวเวลาพ่อแม่ออกไปทำงาน


วันหนึ่งลูกหมูหิวมาก มันเข้าไปหาของกินในห้องครัว แต่ก็ไม่มีอาหารให้มันกินเลย


พอดีมันหันไปเห็นไร่ข้าวที่ปลูกไว้หลังบ้าน กำลังออกผลน่าทานมาก


ลูกหมูไม่รอช้ารีบออกไปกินข้าวโพดในไร่หลังบ้าน



ด้วยความหิวมันจึงกินข้าวโพดจนหมดไร่
แต่มันกลับไม่รู้อิ่ม มันจึงคิดว่าจะมีอะไรกินได้อีก
มันมองไปรอบ ๆ ก็ไม่มีอะไรเลยนอกจากดิน
มันคิดว่าดินมีมากมายแบบนี้มันคงกินได้อิ่มแน่นอน
มันจึงตะกุยดินเข้าปากอย่างรวดเร็ว
แต่แล้วมันก็ต้องตกใจเมื่อมันขุดไปเจอเข้ากับ เมล็ดข้าวโพดขนาดยักษ์
  
  ลูกหมูจึงคิดจะกินเมล็ดข้าวโพดยักษ์

แต่เมื่อคิดได้ว่าถ้ากินหมดมันก็ต้องกินดินอีกแน่เลย

ฉนั้นลูกหมูจึงได้เอาเมล็ดข้าวโพดยักษ์ไปปลูก

เพื่อจะได้มีข้าวโพดกินตลอดไป 




นิทานเรื่องเด็กเลี้ยงแกะ

ครั้งหนึ่ง มีเด็กเลี้ยงแกะซึ่งอายุยังน้อยผู้หนึ่ง ทำการดูแลฝูงแกะของเขาอย่างหงอยเหงาอยู่ที่ไม่ไกลไป

จากหมู่บ้านของเขาสักเท่าไหร่ เขาสร้างความสนุกสนานแก้เบื่อให้กับตัวของเขาเองด้วยการ วิ่งไปและ


ร้องว่า “หมาป่า!หมาป่า!”


แผนการณ์การเล่นตลกของเขาอันนี้ดำเนินไปอย่างสวยงาม ถึงสอง-สามครั้ง และในทุกๆครั้งเขาก็


สามารถทำให้ชาวบ้านทั้งหมดวิ่งหน้าตื่นมา เพื่อช่วยเหลือเขาได้ในทุกครั้ง…


อย่างไรก็ตาม พวกชาวบ้านที่วิ่งมาหมายจะช่วย เขาด้วยความจริงใจกลับต้องได้รับรางวัลเป็นเสียง


หัวเราะจากเขาอย่างเดียวเท่านั้น แล้ววันหนึ่งหมาป่าก็มาจริง ๆ เขาร้องตะโกนอย่างเอาจริงเอาจัง 


“หมาป่า!หมาป่า!” แต่คราวนี้พวกชาวบ้าน ซึ่งถูกเขาหลอก มาหลายครั้งหลายหน ต่างก็คิดว่า เขานั้น


กำลังหลอกลวงพวกตนอีกตามเคย ดังนั้นจึงไม่มีใครสักคนโผล่หัวออกมาช่วยเหลือเขา และด้วยเหตุ


ดังนี้หมาป่า จึงได้กินอาหารอร่อยของมันคือฝูงแกะของเด็กคนนั้นอย่างสบายๆ



นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
ไม่มีใครเชื่อคนชอบโกหก แม้เมื่อเขาได้พูดความจริงก็ตาม



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น